วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2554
หลากความรู้ด้านสุขภาพ
3 ท่านอน ลดอาการปวดหลัง
ความเครียด น้ำหนักส่วนเกิน การยกของผิดวิธี และท่านอนที่ไม่เหมาะสม ล้วนเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดอาการปวดหลังได้นะคะ คณะผู้เชี่ยวชาญจากมาโยคลินิก (Mayo Clinic) แนะนำ 3 ท่านอนที่จะช่วยป้องกันและบรรเทาอาการปวดหลังดังนี้ค่ะ
1. นอนตะแคงข้างก่ายหมอน นอนตะแคงข้างที่ถนัด หนุนหมอนที่ศีรษะตามปกติ งอเข่าทั้งสองข้างและวางหมอนหนุนไว้ระหว่างขาทั้งสองข้าง เพื่อป้องกันไม่ให้เข่าที่อยู่ด้านบนแตะที่นอน มิเชิ่นนั้นกระดูกสันหลังส่วนล่างจะพลิก ซึ่งก่อให้เกิดอาการปวดหลังและสะโพกได้
2. นอนหงายหนุนเข่า นอนหงายหนุนหมอนที่ศีรษะ ปล่อยตัวตามสบายโดยวางหมอนหนุนอีกใบไว้ใต้หัวเข่าทั้งสองข้าง เพื่อช่วยรักษาความโค้งของกระดูกสันหลังส่วนล่าง ท่านี้เหมาะสำหรับผู้มีอาการปวดหลังที่ไม่รุนแรงมากนัก
3. นอนคว่ำหนุนหน้าท้อง หากคุณไม่สามารถนอนท่าอื่นๆ ได้ และจำเป็นต้องนอนคว่ำ ให้นอนหนุนหมอนบริเวณช่วงคอและหน้าอกส่วนบน โดยหันใบหน้าไปด้านใดด้านหนึ่ง และนำหมอนหนุนอีกใบวางไว้ใต้บริเวณสะโพก เพื่อผ่อนคลายความตึงของแผ่นหลัง และหากยังรู้สึกตึงหรือเจ็บปวดอยู่ให้นำหมอนหนุนที่ศีรษะออก ถนอมหลังของคุณโดยการยกสิ่งของด้วยท่าท่างที่ถูกต้อง และออกกำลังกายด้วยการรำกระบองเป็นประจำ เป็นวิธีป้องกันอาการปวดหลังได้ดีเยี่ยม
กินถั่วเมล็ดรูปไต ช่วยป้องกันมะเร็งเต้านม และมะเร็งต่อมลูกหมาก
ถั่วเมล็ดรูปไต อันได้แก่ ถั่วดำ ถั่วแดง ถั่วขาว ถั่วกันเนลกินี ถั่วปินโต และอื่นๆ อีกมากมาย แต่ที่คนไทยอย่างเราๆ คุ้นเคยหาซื้อง่าย ราคาสบายกระเป๋า ก็คือ ถั่วแดง และถั่วดำ
สรรพคุณโดดเด่นของถั่วเมล็ดรูปไตคือ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย บำรุงหัวใจ บำรุงกระดูก ลดระดับคอเลสเตอรอล รักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้สมดุล ช่วยควบคุมน้ำหนัก เพราะเส้นใยที่มีมากในถั่วช่วยให้คุณรู้สึกอิ่มท้องได้นานขึ้น ทำให้ร่างกายมีพลังงานสม่ำเสมอ
สารลิกแนน สารชาโปนิน และสารยับยั้งโปรทีเอสในถั่วเมล็ดรูปไต ช่วยป้องกันมะเร็งบางชนิด โดยเฉพาะมะเร็งเต้านม และมะเร็งต่อมลูกหมาก
Tips
• เพื่อลดปริมาณก๊าซของถั่วเมล็ดรูปไต จากคาร์ดบไฮเดรต ที่ชื่อ โอลิโกแซคคาไรด์ ควรนำถั่วไปแช่น้ำและเทน้ำทิ้งก่อนนำไปปรุงอาหาร
• เพิ่มความสะดวกในการนำถั่วมาประกอบอาหาร โดยการต้มถั่วครั้งละมากๆ แล้วแบ่งใส่ถุงเล็กๆ เก็บไว้ในช่องแช่แข็ง
• นำถั่วที่ต้มแล้วมาบดผสมกับน้ำมะนาว น้ำมันมะกอก ปรุงรสด้วยเกลือ และพริกไท ใช้ทาแซนด์วิชแทนมายองเนส ได้ประโยชน์พร้อมความอร่อย
อายุยืนได้ ด้วยใยอาหาร
เพราะนอกจากจะมีส่วนช่วยใน การทำงานของระบบขับถ่ายแล้ว งานวิจัยเรื่องหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ ระบุว่า ใยอาหารยังมีส่วนช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากการป่วยเป็นโรคต่างๆ ลงได้
Yikyung Park นักวิจัยของสถาบันมะเร็งแห่งชาติสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า การกินอาหารซึ่งอุดมด้วยใยอาหารอย่างน้อยวันละ 25 กรัม หรือประมาณ 14 กรัม ต่อพลังงาน 1,000 แคลอรี่
นอกจากจะช่วยลดอัตราการเกิดโรคอ้วน เบาหวาน และมะเร็งบางชนิดได้แล้ว ยังมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคระบบทางเดินหายใจ โรคติดเชื้อ และโรคหลอดเลือดหัวใจ ได้อีกด้วย
ทั้งนี้ งานวิจัยระบุว่า จะต้องเป็นใยอาหารที่ได้จากธัญพืช อาทิ เส้นสปาเกตตีโฮลวีต ข้าวบาร์เลย์ ถั่วฝักยาว ถั่วปากอ้า ถั่วดำ บรอคโคลี ฯลฯ เท่านั้น
4 สาเหตุ อาการอาหารไม่ย่อย
อาหารไม่ย่อย ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมการกิน
ลองมาเช็คกันค่ะว่า พฤติกรรมการกินดังกล่าวมีอะไรบ้าง
1.รีบ เร่งกินอาหาร ทำให้น้ำย่อยหลั่งได้น้อยลง รวมถึงเมื่อเร่งรีบกินจึงเคี้ยวอาหารไม่ละเอียดแล้วกลืนทันที ทำให้เอนไซม์ในน้ำลายย่อยอาหารไม่ทัน
2.กินมากเกินไป ทำให้อาหารเต็มกระเพาะอาหาร จึงเสียเวลาย่อยนาน และทำให้เกิดการล้นของกรดในกระเพาะอาหาร
3.กิน ผลไม้หลังจากกินอาหารที่มีไขมันมาก โดยกระเพาะอาหารจะใช้เวลาในการย่อยไขมันช้ามาก ทำให้ผลไม้ที่กินเข้าไปทีหลังค้างอยู่นาน จนเริ่มบูดเน่าก่อนจะได้ย่อย จึงทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร และมีอาการจุกแน่นท้องตามมา
4.ดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและแอลกอฮอล์ เนื่องจากเครื่องดื่มดังกล่าวจะไปกระตุ้นให้กระเพาะอาหารหลั่งกรดออกมามากเกินไป
ขอบคุณข้อมูลจาก นิตยสารชีวจิต http://www.cheewajit.com/ภาพจากเว็บอินเตอร์เน็ต
ฝรั่ง กับประโยชน์ที่หลากหลาย
ด้านบทความ
ที่ปรึกษาด้านโภชนาการของ "คลินิกหมออาหาร" นายเอียน มาร์บอร์ ของสหรัฐฯ เผยว่า ฝรั่งอุดมด้วยวิตามินซี อันเป็นสิ่งที่ขาดเสียไม่ได้ในการสังเคราะห์คอลลาเจนของร่างกาย ในฐานะโปรตีนสำคัญ ของโครงสร้างผิวหนังอย่างหนึ่ง ทั้งยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระทรงพลัง ช่วยป้องกันรักษาผิวหนังจากสารอนุมูลอิสระ และ "ฝรั่งยังอุดมด้วยสาร โพลีฟีนอล สารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในชาเขียวและไวน์แดง ป้องกันรักษาเซลล์จากอนุมูลอิสระ และรักษาบูรณภาพของเซลล์ ที่สำคัญมันจะช่วยชะลอร่องรอยของความแก่ชราของผิวหนัง โดยลบรอยเหี่ยวย่น และส่งเสริมความอวบอิ่มและทำให้ดูผิวงาม"
ที่ปรึกษาด้านโภชนาการของ "คลินิกหมออาหาร" นายเอียน มาร์บอร์ ของสหรัฐฯ เผยว่า ฝรั่งอุดมด้วยวิตามินซี อันเป็นสิ่งที่ขาดเสียไม่ได้ในการสังเคราะห์คอลลาเจนของร่างกาย ในฐานะโปรตีนสำคัญ ของโครงสร้างผิวหนังอย่างหนึ่ง ทั้งยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระทรงพลัง ช่วยป้องกันรักษาผิวหนังจากสารอนุมูลอิสระ และ "ฝรั่งยังอุดมด้วยสาร โพลีฟีนอล สารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในชาเขียวและไวน์แดง ป้องกันรักษาเซลล์จากอนุมูลอิสระ และรักษาบูรณภาพของเซลล์ ที่สำคัญมันจะช่วยชะลอร่องรอยของความแก่ชราของผิวหนัง โดยลบรอยเหี่ยวย่น และส่งเสริมความอวบอิ่มและทำให้ดูผิวงาม"
คุณค่าทางอาหาร
คุณค่าทางอาหารประกอบด้วย วิตามินเอ วิตามินซี B1 B2 แคลเซียม ฟอสฟอรัส และ ช่วยให้มีความต้านทานต่อโรคหวัดเพิ่มขึ้น บำรุงเหงือกและฟัน ป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน
คุณค่าทางอาหารประกอบด้วย วิตามินเอ วิตามินซี B1 B2 แคลเซียม ฟอสฟอรัส และ ช่วยให้มีความต้านทานต่อโรคหวัดเพิ่มขึ้น บำรุงเหงือกและฟัน ป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน
สารเพคติน (PECTIN) เป็นยาระบายอ่อน ๆ แก้ท้องผูกได้ดี
สารแทนนิน (TANNIN) มีฤทธิ์เป็นยาฝาดสมาน สามารถบรรเทาอาการท้องร่วงและห้ามเลือดได้ ช่วยสมานแผลและบรรเทาอาหารเจ็บคอ นอกจากนี้ยังช่วยระงับกลิ่นปากและรักษาแผลเรื้อรังเช่น น้ำกัดเท้า และผื่นคันจากผิวหนังที่ถูกใบไม้คันได้ด้วย
นอกจากนี้ยังมีการแนะนำให้รับประทานฝรั่งเพื่อลดความอ้วนเพราะฝรั่งเป็นผลไม้ที่มีความกรอบ เคี้ยวเพลิน และไม่เพิ่มน้ำหนักเพราะเหตุฝรั่งเต็มไปด้วยกากใย จะทำให้อิ่มทน และกำจัดท้องร้องเพราะความหิว "กากใยจะช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้ คงที่ ซึ่งเท่ากับช่วยปรับระดับการใช้อินซูลินของร่างกายให้พอดี และ ยัง สามารถเอาฝรั่งมารักษาสิวและผิวหน้าของเราให้เกลี้ยงเกลาได้โดย การเอาเนื้อฝรั่งมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่ลงไปในเครื่องปั่นไฟฟ้า ใส่น้ำสะอาดลงไปเล็กน้อย ปั่นให้ละเอียด แล้วนำไป ใช้ได้ ( หากเก็บใส่ขวดแช่ตู้เย็นจะเอาเก็บไว้ใช้ได้นาน ๆ ) สำหรับ วิธีการใช้ก็ไม่ยากเลย ล้างหน้าให้สะอาดด้วยน้ำธรรมดาเสียก่อน แล้วนำเอาเนื้อฝรั่งที่ปั่นละเอียดแล้วมาพอก ทา ให้ทั่วทั้ง ใบหน้า ปล่อยทิ้งเอาไว้สัก 10 นาที หลังจากนั้นก็ล้างออกด้วยน้ำธรรมดา เราจะสังเกตได้ทันทีว่า ผิวหน้าที่ได้รับการพอก ทา ด้วยเนื้อฝรั่งจะมีความเกลี้ยงเกลา และรู้สึกเต่งตึง สดชื่น ได้ทันที
ให้ทำอย่างนี้สัปดาห์ละ 2 ครั้ง ผิวหน้าของเราก็จะมองดูสดใสและนวลเนียนดีมาก ไม่ต้องไปหาซื้อครีมบำรุงผิวราคาแพงมาพอก หน้า หรือทาหน้าเลย
ที่มา : ไทยรัฐ อยู่ดีวิถีชาวบ้าน
กล้วยหอม กับประโยชน์ที่น่าทึ่ง
กล้วยหอมยอดผลไม้มหัศจรรย์
กล้วยหอมมี สารน้ำตาลอยู่ 3 ชนิดคือ ซุคโคส ฟรุคโตสและกลูโคส (sucrose, fructose and glucose) รวมทั้งเส้นใยอาหาร มันจะให้พลังงานแก่ร่างกายพร้อมนำไปใช้ทันทีเลยครับ
เขาวิจัยมาแล้วว่ากล้วยหอม 2 ใบให้พลังงานเพียงพอให้เราทำงานถึง 90 นาที ไม่ต้องสงสัยเลยนะครับ นักกีฬาระดับโลกถึงชอบกินกล้วยหอมกันนัก (เคยเห็นในสนามเทนนิส....พอพักเบรคบางคนหยิบกล้วยหอม มากัดกินสัก 2-3 คำ)
ความเศร้าซึม จากการสำรวจและวิจัยไต่ถามพร้อมสุ่มตัวอย่างจากคนไข้ ที่ป่วยเป็นโรคเศร้าซีม พบว่าส่วนใหญ่จะรู้สึกดีขึ้นเมื่อได้กินกล้วยหอมเพราะว่ามัน tryptophan ซึ่งเป็นกรดอะมิโนโปรตีนชนิดหนึ่ง ซึ่งร่างกาย สา มารถแปลงเป็น serotoninสารกระตุ้นที่ทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายอารมณ์สดใสและมีความสุขมากยิ่งขึ้น
pms (premenstrual syndrome) สำหรับสุภาพสตรีแล้วก่อนที่จะมีประจำเดือน อารมณ์จะหงุดหงิดง่าย ไม่อยู่กับร่องรอยและก่อให้เกิดสภาวะต่อร่างกาย เช่น ปวดท้อง ปวดหัว ฯลฯ รีบกินกล้วยหอมซะดี ๆ ยาแก้ปวดลืมไปได้เลย มัน สามารถป้องกันได้
โรคโลหิตจาง (Anemia)ธาตุเหล็กในกล้วยหอม สา มารถที่จะกระตุ้นร่างกายให้ผลิต Hemoglobin ( ฮีโมโกลบิน) ในกระแสโลหิตช่วยหยุดยั้งภาวะโลหิตจางได้ แต่คงไม่ช่วยแก้โรคทรัพย์จางได้หรอกนะ
ความดันโลหิต (Blood Pressure)กล้วยหอมมีเกลือโปแตสเซียมเหลืองอยู่เยอะ เป็นตัวช่วยความดันเลือดจนกระทั่ง US Food and Drug inistration อนุมัติให้กล้วยหอมยอดผลไม้มีส่วนช่วยลดภาวะความเสี่ยงความดันได้จริง
เสริมสร้างพลังสมอง ( Brain Power)ที่อังกฤษในแค้วน Middlesex มีนักเรียนจำนวน 200 คนจาก Twickenham schoolอ้างว่าพวกเขาสอบผ่านเพราะได้กิตกล้วยหอมเป็นอาหารเช้า รวมทั้งกินอีกนิดหน่อยในตอนมื้อเที่ยงเพื่อทำให้สมองสดชื่น เขาได้วิจัยพบว่าโปแตสเซียมในกล้วยช่วยนักเรียนให้ตื นตัวอยู่เสมอ
อาการท้องผูก (Constipation) เส้นใยอาหารในกล้วยหอมช่วยทำให้ระบบขับถ่ายในร่างกาย ทำงานได้ดี
เมาค้าง (Hangovers)วิธีแก้เมาค้างที่เร็วและดีอีกวิธีหนึ่งก็คือกินกล้วยหอมปั่น banana milkshake โดยการใส่น้ำผึ้งลงไปด้วยสรรพคุณของน้ำผึ้งและ สารวิตามินในกล้วยจะช่วยให้ปรับระดับน้ำตาลในเส้นเลือดและทำให้กระเพาะอาหารอยู่ในสภาวะที่พร้อมทำงานได้เร็วขึ้น
จุกเสียดแน่นท้อง (Heartburn)กล้วยหอมมี สารลดกรดตามธรรมชาติอยู่ดังนั้นการกินกล้วยก็จะช่วยให้ลดอาการดังกล่าว
อาการแพ้ท้อง Morning Sicknessถ้าเรากินกล้วยหอมสักคำ 2 คำระหว่างมื้อเช้า เที่ยงหรือเย็น มันจะช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือดและแก้อาการ crhmhv’
บรรเทาแผลยุงกัดก่อนที่จะใช้ยาทาลองใช้เปลือกกล้วยหอมด้านในถูบริเวณที่ถูกยุงกัดจะช่วยลดอาการคันหรือบวมได้ คนส่วนใหญ่เป็นอย่าง นั้นจริง ๆ
ระบบประ สาท (Nerves)วิตามินบีที่มีอยู่มากในกล้วยหอมจะช่วยลดความเครียด อ่อนล้าได้
อ้วนจากทำงานมากเกินไปที่สถาบันจิตวิทยาในออสเตรียได้ศึกษาและพบว่าความเครียดจากที่ทำงานทำให้คนกินช็อกโกแล็ต และพวกโปเต้โต้ชิปส์มากเกินไปทำให้น้ำหนักเพิ่มมากขึ้น จากที่กล่าวมาแล้วถ้ากินกล้วยหอมสักเล็ก ๆ น้อย ๆ ประมาณทุก ๆ 2 ชม.จะช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือดและลดการอยากกินของจุกจิก
แผลในลำไส้และกระเพาะอาหารรวมทั้งผิวหนังพุพองเป็นแผล (PepticUlcers)สารและเส้นใยในกล้วยหอมช่วยให้การย่อยอาหารของลำไส้เ ล็กดีขึ้นรวมทั้งกรดต่างๆที่มีอยู่ทำให้มีการเคลือบผิวของกระเพาะ ลดการเป็นแผลในกระเพาะได้ ปรับระดับอุณหภูมิในร่างกาย (Temperature Control)ในประเทศแถบเส้นศูนย์สูตรที่มีอากาศร้อนผู้คนชอบกินกล้วยหอมดับร้อนกันครับและเชื่อว่ามันเป็นผลไม้เย็นฉ่ำชนิดหนึ่ง อย่างเช่นในไทยมีความเชื่อกันว่าผู้หญิงท้องควรกินกล้วยหอมเป็นประจำเพื่อเด็กที่เกิดมาจะมีอารมณ์เยือกเย็น เป็นต้น
ลดความอยากสูบบุหรี่สำหรับท่านที่ต้องการเลิกบุหรี่ กล้วยหอมอาจช่วยท่านได้เพราะมีวิตามิน B6, B12 โปแตสเซียมและแม็กนีเซียม ที่มีอยู่มากจะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วจากการขาด สารนิโคติน
เมื่อเปรียบเทียบกับแอปเปิลแล้ว กล้วยหอมมีโปรตีนมากกว่า 4 เท่า มีคาร์โบไฮเดรทมากกว่า 2 เท่า ฟอสฟลอรัสมากกว่า 3 เท่า วิตามินเอและธาตุเหล็กมากกว่า 5 เท่า วิตามินและเกลือแร่ต่าง ๆ มากกว่า 2 เท่า
อ้างอิงข้อมูลจาก : http://www.horapa.com/content.php?Category=Healthy&No=1078
pms (premenstrual syndrome) สำหรับสุภาพสตรีแล้วก่อนที่จะมีประจำเดือน อารมณ์จะหงุดหงิดง่าย ไม่อยู่กับร่องรอยและก่อให้เกิดสภาวะต่อร่างกาย เช่น ปวดท้อง ปวดหัว ฯลฯ รีบกินกล้วยหอมซะดี ๆ ยาแก้ปวดลืมไปได้เลย มัน สามารถป้องกันได้
โรคโลหิตจาง (Anemia)ธาตุเหล็กในกล้วยหอม สา มารถที่จะกระตุ้นร่างกายให้ผลิต Hemoglobin ( ฮีโมโกลบิน) ในกระแสโลหิตช่วยหยุดยั้งภาวะโลหิตจางได้ แต่คงไม่ช่วยแก้โรคทรัพย์จางได้หรอกนะ
ความดันโลหิต (Blood Pressure)กล้วยหอมมีเกลือโปแตสเซียมเหลืองอยู่เยอะ เป็นตัวช่วยความดันเลือดจนกระทั่ง US Food and Drug inistration อนุมัติให้กล้วยหอมยอดผลไม้มีส่วนช่วยลดภาวะความเสี่ยงความดันได้จริง
เสริมสร้างพลังสมอง ( Brain Power)ที่อังกฤษในแค้วน Middlesex มีนักเรียนจำนวน 200 คนจาก Twickenham schoolอ้างว่าพวกเขาสอบผ่านเพราะได้กิตกล้วยหอมเป็นอาหารเช้า รวมทั้งกินอีกนิดหน่อยในตอนมื้อเที่ยงเพื่อทำให้สมองสดชื่น เขาได้วิจัยพบว่าโปแตสเซียมในกล้วยช่วยนักเรียนให้ตื นตัวอยู่เสมอ
อาการท้องผูก (Constipation) เส้นใยอาหารในกล้วยหอมช่วยทำให้ระบบขับถ่ายในร่างกาย ทำงานได้ดี
เมาค้าง (Hangovers)วิธีแก้เมาค้างที่เร็วและดีอีกวิธีหนึ่งก็คือกินกล้วยหอมปั่น banana milkshake โดยการใส่น้ำผึ้งลงไปด้วยสรรพคุณของน้ำผึ้งและ สารวิตามินในกล้วยจะช่วยให้ปรับระดับน้ำตาลในเส้นเลือดและทำให้กระเพาะอาหารอยู่ในสภาวะที่พร้อมทำงานได้เร็วขึ้น
จุกเสียดแน่นท้อง (Heartburn)กล้วยหอมมี สารลดกรดตามธรรมชาติอยู่ดังนั้นการกินกล้วยก็จะช่วยให้ลดอาการดังกล่าว
อาการแพ้ท้อง Morning Sicknessถ้าเรากินกล้วยหอมสักคำ 2 คำระหว่างมื้อเช้า เที่ยงหรือเย็น มันจะช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือดและแก้อาการ crhmhv’
บรรเทาแผลยุงกัดก่อนที่จะใช้ยาทาลองใช้เปลือกกล้วยหอมด้านในถูบริเวณที่ถูกยุงกัดจะช่วยลดอาการคันหรือบวมได้ คนส่วนใหญ่เป็นอย่าง นั้นจริง ๆ
ระบบประ สาท (Nerves)วิตามินบีที่มีอยู่มากในกล้วยหอมจะช่วยลดความเครียด อ่อนล้าได้
อ้วนจากทำงานมากเกินไปที่สถาบันจิตวิทยาในออสเตรียได้ศึกษาและพบว่าความเครียดจากที่ทำงานทำให้คนกินช็อกโกแล็ต และพวกโปเต้โต้ชิปส์มากเกินไปทำให้น้ำหนักเพิ่มมากขึ้น จากที่กล่าวมาแล้วถ้ากินกล้วยหอมสักเล็ก ๆ น้อย ๆ ประมาณทุก ๆ 2 ชม.จะช่วยปรับระดับน้ำตาลในเลือดและลดการอยากกินของจุกจิก
แผลในลำไส้และกระเพาะอาหารรวมทั้งผิวหนังพุพองเป็นแผล (PepticUlcers)สารและเส้นใยในกล้วยหอมช่วยให้การย่อยอาหารของลำไส้เ ล็กดีขึ้นรวมทั้งกรดต่างๆที่มีอยู่ทำให้มีการเคลือบผิวของกระเพาะ ลดการเป็นแผลในกระเพาะได้ ปรับระดับอุณหภูมิในร่างกาย (Temperature Control)ในประเทศแถบเส้นศูนย์สูตรที่มีอากาศร้อนผู้คนชอบกินกล้วยหอมดับร้อนกันครับและเชื่อว่ามันเป็นผลไม้เย็นฉ่ำชนิดหนึ่ง อย่างเช่นในไทยมีความเชื่อกันว่าผู้หญิงท้องควรกินกล้วยหอมเป็นประจำเพื่อเด็กที่เกิดมาจะมีอารมณ์เยือกเย็น เป็นต้น
ลดความอยากสูบบุหรี่สำหรับท่านที่ต้องการเลิกบุหรี่ กล้วยหอมอาจช่วยท่านได้เพราะมีวิตามิน B6, B12 โปแตสเซียมและแม็กนีเซียม ที่มีอยู่มากจะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วจากการขาด สารนิโคติน
เมื่อเปรียบเทียบกับแอปเปิลแล้ว กล้วยหอมมีโปรตีนมากกว่า 4 เท่า มีคาร์โบไฮเดรทมากกว่า 2 เท่า ฟอสฟลอรัสมากกว่า 3 เท่า วิตามินเอและธาตุเหล็กมากกว่า 5 เท่า วิตามินและเกลือแร่ต่าง ๆ มากกว่า 2 เท่า
อ้างอิงข้อมูลจาก : http://www.horapa.com/content.php?Category=Healthy&No=1078
ออกกำลังกายกันเถอะ
วันนี้เรามีวีดีโอสอนเต้นแอโรบิกแบบสนุกๆไว้ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่แข็งแรงกันค่ะ ไปเต้นกันเลย
ขอบคุณจาก : www.youtube.com
ขอบคุณจาก : www.youtube.com
กระชับสัดส่วนด้วย 6 วิธีออกกำลังกายง่ายๆ
ด้วย 6 วิธีออกกําลังกายนี้นอกจากจะทำให้หุ่นเฟิร์ม กระชับ ทุกสัดส่วนแล้วประเด็นหลักของวิธีออกกําลังกายนี้ต้องการให้คุณนั้นมีหน้าท้องแบนราบ ไหล่และแขนเข้ารูป ต้นแขนกระชับ และมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ขาเรียวสวย สะโพกกลมกลึง ระบบไหลเวียนในร่างกายแข็งแรง ที่สำคัญนะค่ะวิธีออกกําลังกายนี้ยังไม่ยุ่งยากแถมใช้เวลาเพียงนิดเดียวเท่านั้นค่ะ เริ่มกัที่
1.หน้าท้องแบนราบ
เริ่มด้วยการนอนคว่ำลงกับพื้นให้แขนด้านในและหัวเข่าชิดพื้นไว้ จากนั้นค่อย ๆ ชันศอกทั้งสองข้างขึ้นยันพื้นไว้โดยให้แขนทั้งสองข้างนี้แยกออกจากกัน ความกว้างประมาณสะโพก พร้อมกันนั้นให้ใช้ปลายนิ้วเท้ายันพื้นไว้ให้ลำตัวลอยขึ้นจากพื้นเล็กน้อยออกแรงบริเวณหัวไหล่กดลำตัวลงสู่พื้น พยายามเกร็งนิ้วเท้าและแขนด้านในไว้อย่าให้ลำตัวติดพื้น กล้ามเนื้อบริเวณหน้าท้องจะตึงขึ้นทรงตัวให้อยู่ในท่านี้ประมาณ 30 วินาที ทำซ้ำประมาณ 3-4 ครั้ง หรือให้ครบ 1 นาทีก็ได้2.แขนและหัวไหล่เข้ารูป
ท่าชกลมนี้สามารถทำให้กล้ามเนื้อกระชับได้ไม่แพ้ท่าอื่น ๆ เริ่มด้วยท่ายืนแยกเท้าความกว้างประมาณสะโพก ก้าวขาซ้ายไว้ด้านหน้าขาขวาเล็กน้อยโดยบิดส้นเท้าซ้ายเข้าด้านในเล็กน้อยปลายเท้าขวาหันออกไปด้านหน้า ยกแขนทั้งสองข้างขึ้นให้ข้อศอกแนบลำตัวไว้กำมือไว้ให้แน่นและวางไว้ในตำแหน่งใต้คาง ปล่อยหมัดขวาแย็บออกไปด้านหน้าพร้อมเหยียดขาขวาให้ตึงด้วย ระหว่างนี้อย่าลืมบิดสะโพกไปด้านขวาเล็กน้อยหมัดที่ปล่อยออกไปพยายามเหยียดให้ตึงและฝ่ามือคว่ำลง จากนั้นให้สลับหมัดเป็นอีกข้างหนึ่งอย่างรวดเร็วหมัดข้างที่ดึงกลับให้กลับมาไว้ที่ตำแหน่งใต้คางเช่นเดิม3.ต้นแขนกระชับ
อุปกรณ์เสริมที่ต้องนำมาใช้สำหรับท่านี้ก็คือ ดัมเบลล์ค่ะ เมื่อเลือกดัมเบลล์ที่เหมาะสมแล้วให้ยืนแยกเท้าทั้งสองข้างออกประมาณสะโพก โดยให้ฝ่ามือที่ถือดัมเบลล์หันเข้าลำตัว ก้าวขาขวาไปทางด้านหลังและยกส้นเท้าไว้เหนือพื้นค่อย ๆ งอเข่าขวาลงให้อยู่ในระดับข้อเท้าซ้าย จากนั้นค่อย ๆ ยกแขนทั้งสองข้างขึ้นมาระดับหัวไหล่โดยให้ฝ่ามือหันเข่าหัวไหล่ค่อย ๆ ชูแขนขึ้นเหนือศีรษะทำซ้ำท่านี้ โดยสลับข้างขาไปเรื่อย ๆ ประมาณ 8-12 ครั้งค่ะ4.เพิ่มความยืดหยุ่นให้กล้ามเนื้อขา
นอนหงายบนพื้นราบงอเข่าซ้ายขึ้นค่อย ๆ ดึงหัวเข่าขวาให้ชิดกับหน้าอก จากนั้นค่อย ๆ เหยียดขาขวาขึ้นตั้งฉากกับพื้นช้า ๆ โดยใช้มือทั้งสองข้างจับบริเวณต้นขาไว้ เพื่อช่วยในการทรงตัว ค้างไว้ประมาณ 2 วินาที จากนั้นจึงเริ่มทำซ้ำอีกครั้งโดยสลับทำอีกข้างหนึ่ง5.ขาเรียวสวยพร้อมสะโพกกลมกลึง
ยืนแยกเท้าทั้งสองข้างออกเล็กน้อยวิ่งอยู่กับที่ โดยระหว่างที่วิ่งให้ยกหัวเข่าสูงเท่าที่จะทำได้ แกว่งแขนสลับข้างไปเรื่อย ๆ ในระหว่างการวิ่ง วิ่งไปเรื่อย ๆ ค่ะ เพื่อกล้ามเนื้อขาและสะโพกที่กระชับมากยิ่งขึ้น6.กระตุ้นระบบไหลเวียนในร่างกาย
ท่าบริหารนี้ไม่ยากสักเท่าไหร่ขึ้นอยู่กับตัวของคุณเองค่ะ เพราะท่านี้ก็คือการเต้นสะบัดร่างกายทั้งตัว เพื่อเพิ่มการไหลเวียนในร่างกาย อาจจะเปิดเพลงประกอบลีลาก็ได้ค่ะ เช่น เพลงฮิปฮอป ร็คแอนด์โรล รับรองว่าทั้งสนุกและช่วยให้แข็งแรงได้อย่างไม่น่าเชื่อเชียวค่ะอ้างอิงจาก : http://www.n3k.in.th/
วันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2554
ประเทศที่น่าเที่ยวที่สุดในโลก 5 อันดับ
“โลนลี แพลนเน็ต” เผย 5 อันดับประเทศน่าเที่ยวที่สุดในโลก ประจำปี 2011 ซึ่งพิจารณาโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยว และนายโทนี่ วีลเลอร์ ผู้ร่วมก่อตั้ง “โลนลี แพลนเน็ต” โดย
แอลเบเนีย ตั้งอยู่ในยุโรปตะวันออกเฉียงใต้ ทางทิศตะวันตกของคาบสมุทรบอลข่าน ทิศเหนือและทิศตะวันออกเฉียงเหนือติดเซอร์เบียและมอนเตเนโกร ทิศตะวันออกติดมาซิโดเนีย ทิศใต้และทิศตะวันออกเฉียงใต้ติดกรีซ ทิศตะวันตกติดทะเลเอเดรียติกและทะเลไอโอเนียน มีเมืองหลวงชื่อ “กรุงติรานา”
เมื่อประมาณ 20 ปีก่อน ดินแดนที่ตั้งอยู่ในแถบคาบสมุทรบอลข่านถือเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่อง เที่ยวสำหรับคนใจกล้า และมีเพียงสุดยอดผู้กล้าเท่านั้นที่อาจหาญเดินทางไปเยือนประเทศแอลเบเนีย
แต่หลังจากมีนักท่องเที่ยวกลุ่มแบคแพค เกอร์เดินทางไปเยือนประเทศแอลเบเนีย ก็เริ่มมีเสียงร่ำลือกันแบบปากต่อปากถึงหาดทรายที่สวยงาม อาหารแสนโอชะ โบราณสถาน แหล่งท่องเที่ยวยามค่ำคืน การท่องเที่ยวผจญภัยในราคาสบายกระเป๋า แถมยังเดินทางท่องเที่ยวแบบ “ไปตายเอาดาบหน้า” โดยที่ไม่มีการวางแผนหรือจองที่พักเอาไว้ล่วงหน้าได้อย่างสบายใจ เพราะชาวแอลเบเนียมีความเป็นมิตร และคิดว่านักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นของแปลกใหม่ ทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปเยือนแอลเบเนียเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ปัจจุบัน การท่องเที่ยวแอลเบเนียได้ประกาศแคมแปญ ‘A New Mediterranean Love’ โดยชูมรดกโลก ธรรมชาติที่สวยงาม ความเป็นมิตรของผู้คน วิถีชีวิตในเมืองใหญ่ ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่น่าสนใจเป็นจุดขาย ส่งผลให้เป็นที่รู้จักและได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวในวงกว้าง
เคปเวิร์ด เป็นหมู่เกาะในมหาสมุทรแอตแลนติก (นอกชายฝั่งตะวันตกของแอฟริกา) อยู่ห่างจากสาธารณรัฐเซเนกัลทางทิศตะวันตกและตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 500 กิโลเมตร ประกอบด้วย เกาะใหญ่ 10 เกาะ และเกาะเล็ก 5 เกาะ เมืองหลวงชื่อ กรุงไปรอา
อันดับที่ 1. สาธารณรัฐแอลเบเนีย
เมื่อประมาณ 20 ปีก่อน ดินแดนที่ตั้งอยู่ในแถบคาบสมุทรบอลข่านถือเป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่อง เที่ยวสำหรับคนใจกล้า และมีเพียงสุดยอดผู้กล้าเท่านั้นที่อาจหาญเดินทางไปเยือนประเทศแอลเบเนีย
แต่หลังจากมีนักท่องเที่ยวกลุ่มแบคแพค เกอร์เดินทางไปเยือนประเทศแอลเบเนีย ก็เริ่มมีเสียงร่ำลือกันแบบปากต่อปากถึงหาดทรายที่สวยงาม อาหารแสนโอชะ โบราณสถาน แหล่งท่องเที่ยวยามค่ำคืน การท่องเที่ยวผจญภัยในราคาสบายกระเป๋า แถมยังเดินทางท่องเที่ยวแบบ “ไปตายเอาดาบหน้า” โดยที่ไม่มีการวางแผนหรือจองที่พักเอาไว้ล่วงหน้าได้อย่างสบายใจ เพราะชาวแอลเบเนียมีความเป็นมิตร และคิดว่านักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นของแปลกใหม่ ทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปเยือนแอลเบเนียเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ปัจจุบัน การท่องเที่ยวแอลเบเนียได้ประกาศแคมแปญ ‘A New Mediterranean Love’ โดยชูมรดกโลก ธรรมชาติที่สวยงาม ความเป็นมิตรของผู้คน วิถีชีวิตในเมืองใหญ่ ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่น่าสนใจเป็นจุดขาย ส่งผลให้เป็นที่รู้จักและได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวในวงกว้าง
อันดับที่ 2 สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล
บราซิล ตั้งอยู่ทางตะวันออกของทวีปอเมริกาใต้ โดยมีอาณาเขตติดกับทุกประเทศในทวีปอเมริกาใต้ยกเว้นชิลีและเอกวาดอร์ มีขนาดใหญ่สุดในลาตินอเมริกาและใหญ่เป็นอันดับ 5ของโลก เมืองหลวงชื่อ “กรุงบราซิเลีย”บราซิลมีชื่อเสียงในเรื่อง การเต้นแซมบ้า สโมสรฟุตบอล โลเกชั่นถ่ายทำภาพยนตร์ เทศกาลคาร์นิวาล และงานปาร์ตี้ฉลองปีใหม่สุดยิ่งใหญ่ แต่ชาวบราซิลยังมีเรื่องน่าดีใจให้เฉลิมฉลองเพิ่มมากขึ้น หลังได้รับเลือกให้เป็นทั้งเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟีฟ่าเวิลด์คัพในปี ค.ศ.2014(พ.ศ. 2557) และกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน ในปี ค.ศ. 2016 (พ.ศ. 2559)
ปัจจุบัน บราซิลมีแผนปรับปรุงประเทศครั้งใหญ่ เพื่อรองรับการแข่งขันกีฬาระดับโลกทั้ง 2 รายการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งยังเตรียมเพิ่มจำนวนห้องพักโรงแรมไว้รองรับนักท่องเที่ยวและแฟนกีฬาทั่วโลกอีกหลายพันห้อง
ที่สำคัญ สายการบินโลว์คอสต์ในประเทศบราซิล ต่างพากันงัดกลยุทธ์เด็ดออกมาแข่งขันกันอย่างดุเดือด จึงทำให้การเดินทางท่องเที่ยวทางอากาศในประเทศบราซิล มีราคาไม่สูงจนเกินเอื้อม
อันดับที่ 3 สาธารณรัฐเคปเวิร์ด
เคปเวิร์ด เป็นหมู่เกาะในมหาสมุทรแอตแลนติก (นอกชายฝั่งตะวันตกของแอฟริกา) อยู่ห่างจากสาธารณรัฐเซเนกัลทางทิศตะวันตกและตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 500 กิโลเมตร ประกอบด้วย เกาะใหญ่ 10 เกาะ และเกาะเล็ก 5 เกาะ เมืองหลวงชื่อ กรุงไปรอา ที่ผ่านมา เคปเวิร์ดไม่ค่อยเป็นที่รู้จักหรือคุ้นหูในหมู่นักท่องเที่ยวมากนัก แต่ระยะหลังๆ ประเทศหมู่เกาะแห่งนี้เริ่มได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวฝั่งยุโรปมากขึ้น จนชาวเคปเวิร์ดเองก็ยังนึกแปลกใจว่าประเทศของตนมีดีอะไร นักท่องเที่ยวจึงพากันดั้นด้นเดินทางไปเยือนมากขึ้นเรื่อยๆ
คำตอบก็คือ…ประเทศนี้มีภูเขาสูงชันสีเขียว ที่สวยงามแปลกตา, ยอดภูเขาไฟสูงเทียมเมฆ, กีฬาทางน้ำระดับเวิลด์คลาส, เทศกาลสุดเร้าใจ ฯลฯ แต่สิ่งที่โดนใจนักท่องเที่ยวชาวยุโรปเป็นพิเศษก็คือ มี “แสงแดด” ตลอดทั้งปี และมีหาดทรายอ่อนนุ่ม จึงเหมาะสำหรับเดินทางไปเที่ยว “หนีหนาว” ด้วยเหตุนี้ การท่องเที่ยวเคปเวิร์ดจึงโปรโมทประเทศของตนว่าเป็น “หมู่เกาะคานารีแห่งใหม่” เทียบชั้น “หมู่เกาะคานารี” ของประเทศสเปนเลยทีเดียว
อันดับที่ 4 สาธารณรัฐปานามา
ปานามา ตั้งอยู่ในส่วนที่แคบที่สุดของอเมริกากลาง ทิศเหนือติดมหาสมุทรแปซิฟิก ทิศใต้ติดทะเลแคริบเบียน ทิศตะวันตกติดคอสตาริกา ส่วนทิศตะวันออกติดโคลอมเบีย มีเมืองหลวงชื่อ ปานามาซิตี้
ปานามา เป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจเร็วสุดในแถบลาตินอเมริกา ตลอด 5 ปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของปานามาเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะรัฐบาลประกาศลดราคาและภาษีให้ผู้มาเยือน ตลอดจนผู้เกษียณอายุชาวต่างชาติ
นอกจากนี้ ปานามายังมีจุดขายหลายอย่างโดนใจนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นเทศกาลต่างๆ กิจกรรมเดินป่า อีโคทัวร์ โบราณสถาน กระท่อมพื้นทรายที่กูนายาลา และเนื่องจากพื้นที่หลายแห่งในปานามายังคงเป็นพื้นที่อนุรักษ์ที่ไม่ได้รับ การพัฒนา บางเส้นทางจึงต้องเดินทางท่องเที่ยวทางเรือ หรือไม่ก็รถบัสเป็นระยะทางไกลๆ
และในปีหน้าเมืองใหญ่อย่าง “ปานามาซิตี้” จะได้ชื่อว่าเป็นเมืองสีเขียว เพราะเป็นที่ตั้งของ “ไบโอ มิวเซียม” ที่แสดงถึงความหลากหลายทางชีวภาพของปานามา ทั้งยังมีสวนและสนามหญ้าริมถนนเลียบชายฝั่ง “ซินตา คอสเตรา” ที่ทอดตัวเป็นแนวยาวไปจนถึง “กัสโกเวียโฮ” อีกด้วย
ปานามา ยังเป็นที่ตั้งของป่าดิบชื้น (นอกป่า่ลุ่มน้ำอะเมซอน) ขนาดใหญ่สุดในซีกโลกตะวันตก ซึ่ง มีพืชพรรณ สัตว์ป่า และนกอุดมสมบุรณ์ แถมพืชและสัตว์บางชนิดยังหาดูที่อื่นไม่ได้ เพราะมีถิ่นอาศัยอยู่ในปานามาเท่านั้น
แม้ว่า “กบพิษสีทอง” ความยาว 1 นิ้วที่มีถิ่นอาศัยในป่าของประเทศปานามา จะได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง และเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อราจนจำนวนลดลงอย่างฮวบฮาบ แต่ “ดาเรียง แก๊ป (Darién Gap)” ซึ่งเป็นป่ารกชัฏและพื้นที่ชุ่มน้ำ ที่กั้นกลางระหว่างจังหวัดดาเรียงของปานามา (อเมริกากลาง) และประเทศโคลอมเบีย (อเมริกาใต้) ยังคงเป็นผืนป่าอุดมสมบูรณ์ ที่ไม่เคยได้รับการพัฒนาและไม่มีการตัดถนนผ่านเหมือนเช่นเคย
ความจริงแล้ว “ดาเรียง แก๊ป” เปรียบเสมือนประตูเชื่อมต่อระหว่างอเมริกาเหนือ กลาง และใต้เข้าด้วยกัน แต่ปัจจุบัน ทางการปานามาก็ยังไม่คิดที่จะตัดถนนในบริเวณดังกล่าว เนื่องจากต้องใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลและสภาพภูมิประเทศไม่เอื้ออำนวย จึงทำให้ถนนสายแพน-แปซิฟิกที่ตัดผ่านอเมริกาเหนือ กลาง และใต้ ขาดตอนเป็นระยะทาง 87 ก.ม. แต่ยังคงเดินทางต่อได้โดยใช้รถจักรยานเสือภูเขา มอเตอร์ไซค์วิบาก หรือไม่ก็เดินเท้า ซึ่งจะต้องลุยป่า ลุยน้ำ และเส้นทางสูงชัน แถมยังมีแมลง และสัตว์เลี้อยคลานชุกชุม
นอกจาก “ดาเรียง แก๊ป” ที่เป็นป่ารกชัฏแล้ว ปานามายังมีเกาะรกร้างที่ไม่เคยได้รับการพัฒนา ไม่มีการตั้งชื่อ หรือไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ เป็นจำนวนหลายเกาะด้วยกัน
อันดับที่ 5 สาธารณรัฐบัลแกเรีย
บัลแกเรีย ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของคาบสมุทรบอลข่าน ทิศเหนือติดโรมาเนีย ทิศตะวันออกติดทะเลดำ ทิศตะวันตกติดเซอร์เบีย มอนเตเนโก และมาซิโดเนีย ทิศใต้ติดกรีซและตุรกี มีเมืองหลวงชื่อ กรุงโซเฟีย
ประเทศบัลแกเรีย มีจุดขายหลายอย่างที่โดนใจนักท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่สุดในประเทศอย่าง “โซเฟีย”, ยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ, สุดยอดลานสกีที่คุ้มค่าคุ้มราคาสุดๆ, หาดทรายสีทอง และเมืองท่าโบราณริมทะเลดำ
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา บัลแกเรีย ถูกบดบังรัศมีโดยประเทศเพื่อนบ้านที่ล้วนแล้วแต่มีประวัติความเป็นมาน่าสนใจ และมีชื่อเสียงมากกว่าอย่าง ตุรกี กรีซ และ โรมาเนีย แต่หลังจากรัฐบาลชุดปัจจุบันประสบความสำเร็จในการนำบัลแกเรียเข้าเป็นสมาชิก สหภาพยุโรป (อียู) ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
ทุกวันนี้ บัลแกเรีย ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวในแถบยุโรปมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “ลานสกี” ที่เป็นจุดหมายปลายทางสุดฮอตของนักท่องเที่ยวชาวยุโรปที่ต้องการท่องเที่ยว แบบถูกใจสบายกระเป๋า แต่ถ้าใครชอบเที่ยวทะเล ที่นี่ก็มีชายหาดริมทะเลดำให้นอนอาบแดด หรือถ้าชอบจิบไวน์ บัลแกเรียก็มีไวน์รสชาติเยี่ยม (ที่ผลิตขึ้นเองในประเทศ) ให้ลิ้มลองเช่นกัน
อ้างอิงจาก : http://paow007.wordpress.com/
คำตอบก็คือ…ประเทศนี้มีภูเขาสูงชันสีเขียว ที่สวยงามแปลกตา, ยอดภูเขาไฟสูงเทียมเมฆ, กีฬาทางน้ำระดับเวิลด์คลาส, เทศกาลสุดเร้าใจ ฯลฯ แต่สิ่งที่โดนใจนักท่องเที่ยวชาวยุโรปเป็นพิเศษก็คือ มี “แสงแดด” ตลอดทั้งปี และมีหาดทรายอ่อนนุ่ม จึงเหมาะสำหรับเดินทางไปเที่ยว “หนีหนาว” ด้วยเหตุนี้ การท่องเที่ยวเคปเวิร์ดจึงโปรโมทประเทศของตนว่าเป็น “หมู่เกาะคานารีแห่งใหม่” เทียบชั้น “หมู่เกาะคานารี” ของประเทศสเปนเลยทีเดียว
อันดับที่ 4 สาธารณรัฐปานามาประโยชน์ดีๆกับ บลูเบอรี่
บลูเบอร์รี่ เป็นผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ที่มีผิวสีน้ำเงินเข้ม Blueberry เป็นไม้พุ่ม มี 2 ชนิด คือ ชนิดพุ่มสูงที่ปลูกกันตามบ้าน และชนิดพุ่มเตี้ย หรือ Blueberry ป่าคนไทยไม่ค่อยนิยม เพราะเป็นผลไม้ในเมืองหนาว ส่วนใหญ่จะจำหน่าย ตามซุปเปอร์มาเก็ต สาขาใหญ่ๆ แต่ว่าที่ประเทศ สหรัฐอเมริกานั้น เป็นที่นิยมกันมากในหมู่ผู้สูงอายุ เพราะผลการวิจัยพบว่า การกินผลไม้ชนิดนี้จะทำให้สุขภาพแข็งแรง และช่วยในเรื่องของความจำโดยผลไม้กลมๆ เล็กๆ สีน้ำเงินเข้มนี้ มีสาร anti-oxidant อยู่ในระดับสูงด้วย สาร anti-oxidant นั้น เป็นสารเคมีที่ต่อต้านการอักเสบ ช่วยต่อสู้ภาวะการแก่ตัวหรือชะลอความแก่ และอาจช่วยป้องกันโรคมะเร็ง นักวิจัยบอกว่ายิ่ง Blueberry ป่าด้วยแล้ว มีระดับสาร anti-oxidant สูงมากกว่าผลไม้ชนิดอื่นใด
ประโยชน์ของบลูเบอรี่
- อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระในปริมาณที่สูง ที่ช่วยต้านการทำลายเซลล์ของร่างกาย
-มีปริมาณใยอาหารสูงโดยเฉพาะเพคติน ที่ทำหน้าที่ช่วยลดระดับคลอเลสเตอรอล และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลใน เลือด
- ช่วยดูแลเส้นเลือดฝอยให้แข็งแรง
- ช่วยชะลอความแก่ บำรุงร่างกายและช่วยให้ความจำดีขึ้นในคนชรา
-มีส่วนช่วยเสริมสร้างสมรรถภาพทางเพศของผู้ชายสูงวัย โดยจะมีผลให้ระบบหมุนเวียนเลือดดีขึ้น
บลูเบอร์รี่และแอนติออกซิแดนท์
แอนติ ออกซิแดนท์เป็นสารที่ช่วยป้องกันการเสื่อมของร่างกายช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ และโรคเรื้อรังที่เกี่ยวข้องกับวัย ผลไม้สด รวมถึงบลูเบอร์รี่ และผักต่างๆ ประกอบไปด้วยสารแอนติออกซิแดนท์ซึ่งเกิดขึ้นตามธรรมชาติหลายชนิด เช่น วิตามินCและE. บลูเบอร์รี่1 ถ้วยจะมี VitaminC 14มิลลิกรัม และ วิตาิิมินE 0.8 มิลลิกรัม มากไปกว่านั้นบลูเบอร์รี่ยังมีสาร anthocyanins และ phenolics ซึ่งสามารถทำหน้าที่เหมือนแอนตี้ออกซิแดนท์ ตามข้อมูลอ้างอิงจาก USDA สถาบันวิจัยโภชนาการทางด้านสรีระศาสตร์ บลูเบอร์รี่จัดเป็นผลไม้ที่มีแอนติออกซิแดนท์สูงที่สุด ผลทดสอบค่าที่เรียกว่า "ORAC" (Oxygen Radical Absorbance Capacity) นักวิจัยได้แสดงให้เห็นว่าบลูเบอร์รี่สดให้สารแอนติออกซิแดนท์มากกว่าผลไม้ สดอื่นและผักต่างๆ
อ้างอิงจาก : http://benefit-of-blueberry.blogspot.com/
http://www.pooyingsmart.com/health1.htm
วันพุธที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2554
สาระน่ารู้ การทำดีท็อกซ์
วิธีการทำดีท็อกซ์
๑. การสวนล้างด้วยน้ำ หรือน้ำอุ่นธรรมดา
๒. การ สวนล้างด้วยน้ำร่วมกับสารอื่นที่เชื่อว่าสามารถดูดซับสารพิษ หรือเร่งการขับถ่ายสารพิษจากลำไส้ เช่น กาแฟ เหล้า เบียร์ น้ำผึ้ง หรือส่วนประกอบของบุหรี่ เป็นต้น
การสวนล้างลำไส้ควรทำภายใต้การกำกับ ดูแลของแพทย์หรือพยาบาลที่มีความรู้เท่านั้น เพราะอาจเกิดอันตรายได้ แต่ก็มีเครื่องมือที่จำหน่ายในท้องตลาดที่สอนให้ประชาชนสวนล้างลำไส้ด้วยตน เองซึ่งต้องทำด้วยความระมัดระวัง นอกจากนี้ ในการสวนล้างลำไส้อาจมีการสวนด้วยปริมาณน้ำที่แตกต่างกันไป บางคนอาจสวนด้วยน้ำครั้งละ ๑-๒ ลิตร ในขณะที่บางคนอาจสวนล้างด้วยน้ำมากถึง ๕-๒๐ ลิตรต่อครั้ง บางคนใช้น้ำธรรมดา ในขณะที่บางคนใช้น้ำอุ่นหรือร้อน ซึ่งบางครั้งอาจจะร้อนเกินไปจนทำให้ลำไส้เน่าได้
ประโยชน์ของการ DETOX
การดีท็อกซ์ (Detox) เป็นการทำความสะอาดและขจัดสิ่งสกปรกของเสีย กากอาหาร รวมทั้งสารพิษที่ตกค้างอยู่ในลำไส้ให้หมดไป เนื่องจากของเสียเหล่านี้ มักถูกขับถ่ายออกได้ไม่หมด เพราะลำไส้ของเรายาวหลายเมตร ทั้งยังขดตัวไปมาไม่ว่าเรารับประทานอะไรเข้าไปล้วนมีโอกาสติดค้างอยู่ในลำ ไส้ทั้งสิ้น
1. ดีท็อกซ์ช่วยทำความสะอาดลำไส้ และแบคทีเรียที่เป็นโทษต่อร่างกาย สารพิษต่างๆจะถูกชะล้างออกไป ลดการสะสมของสารพิษ เมื่อสารพิษเหล่านี้ถูกกำจัดออกไป ลำไส้จะสามารถทำงานได้ตามปกติ
2. ดีท็อกซ์เป็นการบริหารกล้ามเนื้อลำไส ้ ของเสียที่ตกค้างมีผลทำให้ลำไส้อ่อนแอลง และทำหน้าที่ได้ไม่เต็มที่ การล้างลำไส้จึงเป็นการช่วยส่งเสริมกล้ามเนื้อลำไส้ให้ทำงานได้มากขึ้น กล้ามเนื้อลำไส้ที่แข็งแรงและทำงานได้อย่างเป็นจังหวะ จะช่วยทำให้การผลักดันของของเสีย เช่น กากอาหาร และอุจจาระออกจากลำไส้ได้เร็วขึ้น ไม่เกิดสารตกค้างจนกลายเป็นพิษ
3. ดีท็อกซ์ทำให้ลำไส้มีขนาดเป็นปกติ เมื่อลำไส้ทำงานอย่างผิดปกติ จะส่งผลให้โครงสร้างและขนาดลำไส้เปลี่ยนไป ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพต่างๆตามมา การล้างลำไส้ ช่วยให้ลำไส้เกิดการเคลื่อนตัว ช่วยลดอาการบวมหรือโป่งพองของลำไส้ อันเนื่องมาจากการที่มีของเสียอุดตันบริเวณนั้น ทำให้ลำไส้มีรูปร่างปกติตามธรรมชาติ การรักษาด้วยวิธีอื่นๆ อาจทำให้ลำไส้กลับคืนสู่รูปทรงปกติได้เพียงระยะสั้นเท่านั้น
4.ดีท็อกซ์กระตุ้นจุดตอบสนองของระบบอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย ซึ่งอวัยวะทุกส่วนจะมีการทำงานเชื่อมต่อกับลำไส้โดยจุดตอบสนอง การล้างลำไส้เป็นการช่วยกระตุ้นจุดที่ว่านี้ ซึ่งจะส่งผลดีต่อร่างกายโดยรวม เช่น ตับ ถุงน้ำดี ตับอ่อน ไต ต่อมน้ำเหลือง และการหมุนเวียนของเลือด เป็นต้น
ข้อมูลจาก : - wellnessidol
- Mr. Health Man
- http://www.detox4myhealth.com/
ในแวดวงดีท็อกซ์ซึ่งในเมืองไทย ก็มีแพทย์และนักโภชนาการที่เป็นตัวตั้งตัวตีเรื่องนี้หลายคน เชื่อกันว่า อวัยวะในร่างกายของคนเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งอวัยวะในระบบย่อยอาหาร และระบบขับถ่ายของคนเรานั้น ไม่ว่าจะเป็นกระเพาะอาหาร ลำไส้ ไปจนถึงทวารหนัก และกระแสเลือด ต่างก็ล้วนแล้วแต่กำลัง “อุดตัน” หรือ “ผุพัง” อยู่ เนื่องจากอาหารที่ไม่ย่อยสลาย (ส่วนหนึ่งจะถูกแบคทีเรียในระบบทางเดินอาหารนำไปย่อยสลายแทน มีผลทำให้เกิดสารพิษขึ้นอีกด้วย) หรือเพราะสารพิษที่ปะปนมากับอาหาร จำพวกสารทดแทนน้ำตาล อาหารฟาสท์ฟูดต่างๆ และสารเติมแต่งสีรสอาหารแบบต่างๆ มีมากจนร่างกายของเราไม่สามารถกำจัดได้หมดสิ้น บางทีรายการอาหารต้องห้ามก็ยังรวมเอาอาหารจำพวกแป้ง เนื้อ (รวมทั้งเนื้อปลา) ไข่ น้ำตาล เกลือ เค้ก อาหารแปรรูปแบบต่างๆ คาเฟอีน และแอลกอฮอล์ ไว้ด้วย
การสวนล้างลำไส้ที่มีการทำโดยแพทย์ทางเลือกและชาวบ้านมี ๒ วิธี ได้แก่๑. การสวนล้างด้วยน้ำ หรือน้ำอุ่นธรรมดา
๒. การ สวนล้างด้วยน้ำร่วมกับสารอื่นที่เชื่อว่าสามารถดูดซับสารพิษ หรือเร่งการขับถ่ายสารพิษจากลำไส้ เช่น กาแฟ เหล้า เบียร์ น้ำผึ้ง หรือส่วนประกอบของบุหรี่ เป็นต้น
การสวนล้างลำไส้ควรทำภายใต้การกำกับ ดูแลของแพทย์หรือพยาบาลที่มีความรู้เท่านั้น เพราะอาจเกิดอันตรายได้ แต่ก็มีเครื่องมือที่จำหน่ายในท้องตลาดที่สอนให้ประชาชนสวนล้างลำไส้ด้วยตน เองซึ่งต้องทำด้วยความระมัดระวัง นอกจากนี้ ในการสวนล้างลำไส้อาจมีการสวนด้วยปริมาณน้ำที่แตกต่างกันไป บางคนอาจสวนด้วยน้ำครั้งละ ๑-๒ ลิตร ในขณะที่บางคนอาจสวนล้างด้วยน้ำมากถึง ๕-๒๐ ลิตรต่อครั้ง บางคนใช้น้ำธรรมดา ในขณะที่บางคนใช้น้ำอุ่นหรือร้อน ซึ่งบางครั้งอาจจะร้อนเกินไปจนทำให้ลำไส้เน่าได้
ประโยชน์ของการ DETOX
การดีท็อกซ์ (Detox) เป็นการทำความสะอาดและขจัดสิ่งสกปรกของเสีย กากอาหาร รวมทั้งสารพิษที่ตกค้างอยู่ในลำไส้ให้หมดไป เนื่องจากของเสียเหล่านี้ มักถูกขับถ่ายออกได้ไม่หมด เพราะลำไส้ของเรายาวหลายเมตร ทั้งยังขดตัวไปมาไม่ว่าเรารับประทานอะไรเข้าไปล้วนมีโอกาสติดค้างอยู่ในลำ ไส้ทั้งสิ้น
1. ดีท็อกซ์ช่วยทำความสะอาดลำไส้ และแบคทีเรียที่เป็นโทษต่อร่างกาย สารพิษต่างๆจะถูกชะล้างออกไป ลดการสะสมของสารพิษ เมื่อสารพิษเหล่านี้ถูกกำจัดออกไป ลำไส้จะสามารถทำงานได้ตามปกติ
2. ดีท็อกซ์เป็นการบริหารกล้ามเนื้อลำไส ้ ของเสียที่ตกค้างมีผลทำให้ลำไส้อ่อนแอลง และทำหน้าที่ได้ไม่เต็มที่ การล้างลำไส้จึงเป็นการช่วยส่งเสริมกล้ามเนื้อลำไส้ให้ทำงานได้มากขึ้น กล้ามเนื้อลำไส้ที่แข็งแรงและทำงานได้อย่างเป็นจังหวะ จะช่วยทำให้การผลักดันของของเสีย เช่น กากอาหาร และอุจจาระออกจากลำไส้ได้เร็วขึ้น ไม่เกิดสารตกค้างจนกลายเป็นพิษ
3. ดีท็อกซ์ทำให้ลำไส้มีขนาดเป็นปกติ เมื่อลำไส้ทำงานอย่างผิดปกติ จะส่งผลให้โครงสร้างและขนาดลำไส้เปลี่ยนไป ก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพต่างๆตามมา การล้างลำไส้ ช่วยให้ลำไส้เกิดการเคลื่อนตัว ช่วยลดอาการบวมหรือโป่งพองของลำไส้ อันเนื่องมาจากการที่มีของเสียอุดตันบริเวณนั้น ทำให้ลำไส้มีรูปร่างปกติตามธรรมชาติ การรักษาด้วยวิธีอื่นๆ อาจทำให้ลำไส้กลับคืนสู่รูปทรงปกติได้เพียงระยะสั้นเท่านั้น
4.ดีท็อกซ์กระตุ้นจุดตอบสนองของระบบอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย ซึ่งอวัยวะทุกส่วนจะมีการทำงานเชื่อมต่อกับลำไส้โดยจุดตอบสนอง การล้างลำไส้เป็นการช่วยกระตุ้นจุดที่ว่านี้ ซึ่งจะส่งผลดีต่อร่างกายโดยรวม เช่น ตับ ถุงน้ำดี ตับอ่อน ไต ต่อมน้ำเหลือง และการหมุนเวียนของเลือด เป็นต้น
ข้อมูลจาก : - wellnessidol
- Mr. Health Man
- http://www.detox4myhealth.com/
โรค...จุดซ่อนเร้นที่ผู้หญิงควรรู้
ช่องคลอด หรือปากช่องคลอดอักเสบ
โดยปกติในช่องคลอดของผู้หญิงทุกคน จะมีเชื้อราชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า แคนติดา อัลบิแคนส์ (Candida albicans) ซึ่งเป็นเชื้อราชนิดเดียวกับที่ทำให้ลิ้นเป็นฝ้าขาว ในช่องคลอดเชื้อราตัวนี้จะไม่ทำอันตรายต่อเรา เพราะในช่องคลอดจะมีแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่ไม่มีพิษภัย แต่จะสร้างกรดมาช่วยควบคุม ไม่ให้เชื้อราชนิดนี้เจริญเติบโตได้ ส่วนคนที่มีอาการช่องคลอดอักเสบนั้น เนื่องจากแบคทีเรียตัวนี้ถูกทำลายไปเป็นจำนวนมาก
ส่วนสาเหตุที่ทำให้แบคทีเรียตัวนี้ถูกทำลายนั้นก็คือ การกินยาปฏิชีวนะ เช่น เตตราไซคลีน อะม็อกซิซิลลิน เป็นต้น รวมทั้งการรับประทานยาคุมกำเนิด การสวนล้างช่องคลอดบ่อยครั้ง จนถึงการตั้งครรภ์ ที่สามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภายในช่องคลอด ก็อาจจะทำให้ภายในช่องคลอดมีสภาพเอื้ออำนวย ให้เชื้อราชนิดนี้เจริญเติบโตมากขึ้น
ช่องคลอดป่วยด้วยพยาธิ
สำหรับสาเหตุของช่องคลอดอักเสบอีกอย่างหนึ่งคือ เชื้อพยาธิทริโคโมแนส พยาธิตัวนี้เป็นเชื้อโปรโตซัว ที่ไม่สามารถมองด้วยตาเปล่า จะพบในลำไส้ของผู้ชายและผู้หญิง พยาธิตัวนี้จะไม่ทำให้เกิดอาการใดๆ จนกระทั่งมันเข้าไปอยู่ในช่องคลอด ท่อปัสสาวะ กระเพาะปัสสาวะ หรือต่อมลูกหมาก หากมันเข้าไปอยู่จะทำให้เกิดอาการอักเสบได้
สาเหตุที่ทำให้พยาธิตัวนี้เข้าสู่ช่องคลอดได้นั้น มาจากการทำความสะอาดผิดวิธี เนื่องจากพยาธิตัวนี้จะอาศัยอยู่บริเวณลำไส้ใหญ่ การทำความสะอาดจากส่วนของทวารหนักขึ้นมาข้างบน ทำให้ง่ายต่อการติดเชื้อพยาธิตัวนี้ นอกจากนี้ การมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีเชื้อพยาธินี้อยู่ ก็อาจทำให้เชื้อเข้าสู่ภายในช่องคลอดได้
จากการทดสอบท่อปัสสาวะของผู้ชาย พบเชื้อเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ในน้ำอสุจิพบถึง 90 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งตามปกติแล้วพยาธิตัวนี้ มักจะถูกขับออกทางปัสสาวะใน 1 สัปดาห์ และหากผู้หญิงท่านใดเกิดมีเพศสัมพันธ์ กับชายที่มีเชื้อของพยาธิตัวนี้ อาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้ เพราะจากการทดสอบพยาธิตัวนี้ ชอบอยู่ในช่องคลอด เพราะในช่องคลอดมีอุณหภูมิ และความชื้นที่เหมาะสม
อย่างไรก็ตาม เชื้อพยาธิทริโคโมแนสมิใช่มีผลกระทบต่อผู้หญิงเท่านั้น แต่หากมันได้เข้าไปอาศัย และแพร่พันธุ์ในท่อปัสสาวะ ซึ่งอาจจะให้เกิดความผิดปกติในผู้ชายได้ คือมีน้ำขาวใสออกจากท่อปัสสาวะ และมีอาการเจ็บปวดเวลาปัสสาวะ ถ้ามีการติดเชื้อที่ต่อมลูกหมาก จะมีอาการปวดปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ
ช่องคลอดอักเสบ สามารถสังเกตได้ด้วยตัวเอง
เพราะอาการคันในที่ลับเฉพาะนั้น อาจมาจากหลายสาเหตุ ซึ่งมีความรุนแรงมากน้อย แตกต่างกันไป สำหรับคนที่เป็นช่องคลอดอักเสบนั้น สามารถแยกย่อยออกเป็น 2 กลุ่ม ตามสาเหตุของการเกิดโรค
- สาเหตุมาจากเชื้อรา จะรู้สึกคันในช่องคลอด หรือรอบๆ ปากช่องคลอดอย่างมาก และมีตกขาวเป็นลักษณะข้นขาวคล้ายแป้งเปียก หรือคราบนม อาจมีความรู้สึกเจ็บขณะร่วมเพศ หรือปัสสาวะบ่อย และอาจจะปวดแสบปวดร้อนร่วมด้วย บางคนเป็นมากอาจจะมีผื่นแดงรอบๆ ปากช่องคลอดหรือบริเวณขาหนีบ ซึ่งสร้างความรำคาญใจแก่ผู้เป็นอย่างมาก
- สาเหตุจากเชื้อพยาธิ จะรู้สึกคันภายนอก หรือภายในช่องคลอดมาก บางครั้งมีขัดเบา และตกขาว ออกเป็นสีเหลืองหรือเขียว มีกลิ่นเหม็น ผลจากการตกขาวทำให้มีอาการบวมแดง และปวดขณะปัสสาวะ มักมีปริมาณปัสสาวะมาก และมีลักษณะเป็นฟอง หากการอักเสบลุกลามเข้าไปทางท่อปัสสาวะ จะทำให้เกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้เช่นกัน
นอกจากนี้ การติดเชื้อพยาธิทริโคโมแนส เป็นสาเหตุอย่างหนึ่งของมะเร็งปากมดลูกได้ หากมีการปล่อยปละละเลยนานเกินไป เนื่องจากทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ บริเวณปากมดลูกจนกลายเป็นมะเร็ง แต่ถ้าได้รับการรักษาทันที เมื่อหายจากติดเชื้อ ก็จะกลับสู่สภาพปกติเหมือนคนทั่วๆ ไป ในรายที่มีการตั้งครรภ์ หากเกิดการติดเชื้อในระยะ 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ จะทำให้ทารกคลอดก่อนกำหนด น้ำหนักตัวน้อย และมีภูมิต้านทานต่ำ
ดังนั้น การจะให้ร่างกายเราปราศจากโรคภัย คือการเสริมสร้างภูมิชีวิตของตนเองให้แข็งแรง ทั้งนี้นอกจากจะออกกำลังกาย และรับประทานอาการให้ถูกสุขลักษณะแล้ว เราจำเป็นต้องเข้าใจถึงระบบการทำงานของร่างกายเราด้วย หากเราเข้าใจอย่างผิดๆ แน่นอนว่าโรคภัยไข้เจ็บจะถามหาท่านอย่างแน่นอน
ป้องกันการอักเสบตามสาเหตุ
เมื่อทราบว่าสาเหตุของช่องคลอดอักเสบ มาจาก 2 สาเหตุด้วยกัน ดังนั้น จึงขอแบ่งวิธีการป้องกันแก้ไขไว้เป็น 2 ประเภท คือ
• | ช่องคลอดอักเสบจากเชื้อรา จะไม่ทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง แต่มีอาการคันในช่องคลอดอย่างรุนแรง จนบางครั้งทำให้เสียบุคลิกภาพ หากท่านใดกินยาคุมกำเนิดอยู่ ควรเลิกสักระยะ และหันไปคุมกำเนิดโดยวิธีอื่นแทน นอกจากนี้ ให้หลีกเลี่ยงการสวมกางเกงในที่ทำจากผ้าไนล่อน รวมทั้งไม่ควรสวนล้างช่องคลอดโดยไม่จำเป็น และไม่ควรกินยาปฏิชีวนะ ที่มักจะแฝงตัวมากับยาชุดต่างๆ เพราะจะไปทำให้ภูมิชีวิตในร่างกายเสียสมดุลไป โดยไปทำลายเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในช่องคลอด แล้วเอื้ออำนวยให้สภาพในช่องคลอดเหมาะสม ต่อการแพร่ขยายของเชื้อราตัวนี้ต่อไป | |
• | ช่องคลอดอักเสบจากเชื้อพยาธิ เชื้อพยาธิชนิดนี้ติดต่อได้โดยการมีเพศสัมพันธ์ ดังนั้น คู่สามีภรรยาควรรักเดียวใจเดียว นอกจากนี้ ควรรักษาสุขภาพอนามัยอยู่เสมอ เช่น การชำระล้างบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ จะต้องล้างจากข้างหน้าไป ข้างหลังเสมอ และไม่ควรใช้สิ่งของที่ใช้กับทวารหนัก แล้วกลับมาใช้กับช่องคลอด การใช้ห้องน้ำรวมจะต้องระวังไม่นั่งบนโถส้วม หรือถ้าจำเป็นต้องนั่งควรใช้กระดาษชำระเช็ดให้สะอาดเสียก่อน ไม่ควรใช้ผ้าเช็ดตัวที่เป็นผ้าสักหลาด หรือใช้ชุดว่ายน้ำ ร่วมกับผู้อื่น ควรสวมเสื้อผ้าที่สามารถระบายอากาศได้ดี ควรใช้กางเกงในที่ทำด้วยผ้าฝ้าย เพื่อจะได้แห้งและเย็นสบายไม่อับชื้น เนื่องจากพยาธิทริโคโมแนสชอบอยู่ในที่อับชื้น |
การล้างช่องคลอด เพื่อรักษาความสะอาดภายใน เป็นความคิดที่ผิด เพราะเป็นการทำลายเชื้อแบคทีเรีย ที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ทำให้เชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อราชนิดที่เป็นอันตรายต่อร่างกายเกิดขึ้นแทน
ที่มาจาก : http://www.cheewajit.com/
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)